เทคโนโลยีกับบทบาทที่มากขึ้นในการรักษาฟัน ตัวช่วยที่ดีในการทำ รากเทียมด้วยระบบดิจิทัล

เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นในด้านทันตกรรมด้วยการรักษา รากเทียมด้วยระบบดิจิทัล ที่เข้ามามีส่วนช่วย BFC Dental ในกระบวนการรักษาให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาได้ผลลัพธ์ที่มีรอยยิ้มสวย พร้อมฟันใหม่ที่สามารถใช้งานได้อย่างถาวร

ปัจจุบันเทคโนโลยีกับทันตกรรมมีบทบาทมากขึ้นในด้านทันตกรรม รวมถึงมีความพัฒนาและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพียงแต่เป็นตัวช่วยเพื่อให้ทันตแพทย์สามารถทำให้การรักษาด้วยเครื่องมือที่มีความทันสมัยและลดขั้นตอนในการรักษา แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับทันตกรรมก็เป็นประโยชน์กับคนไข้ได้มากขึ้นเช่นกัน

สำหรับทันตแพทย์

รากเทียมด้วยระบบดิจิทัล

อุปกรณ์ทันตกรรมที่มีเทคโนโลยีระบบดิจิทัล เข้ามามีส่วนช่วยให้กับทันตแพทย์ได้มีกระบวนการรักษาได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์เป็นอย่างมากในกรณีที่ทันตแพทย์ต้องวางแผนการรักษาในเคสที่มีความซับซ้อน หรือมีกระบวนการในการรักษาที่ค่อนข้างยาก

สำหรับผู้เข้ารับการรักษา

ด้านผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษา ถ้าจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับประโยชน์ของคนไข้ที่จะได้จากเข้ารับการรักษาโดยมีอุปกรณ์ทันตกรรมที่มีเทคโนโลยีต่างๆ คือ ระยะเวลาที่สั้นลงจากขั้นตอนการรักษา ซึ่งคนไข้จะสามารถประหยัดเวลาได้มากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากขั้นตอนในการรักษาในด้านทันตกรรม เช่น การทำรากเทียม นั้น ส่วนใหญ่มักจะทราบกันดีว่าเป็นการรักษาที่ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรก่อนการเข้ารับการใส่รากเทียมจริง เนื่องจากการมีกระบวนการหลายขั้นตอนและต้องอาศัยความแม่นยำค่อนข้างมาก และทันตแพทย์ต้องทำการประเมินถึงสุขภาพเหงือกและกระดูกขากรรไกรให้แน่ใจก่อนว่าคนไข้พร้อมที่จะใส่รากเทียมได้แล้ว ทั้งนี้ ยังไม่นับถึงระยะเวลาที่ต้องส่งพิมพ์ฟันหรือข้อมูลการรักษาอื่นๆ เพื่อผลิตชิ้นงานเพื่อใส่ให้คนไข้อีกด้วย

รากเทียมด้วยระบบดิจิทัล

ด้านความรู้สึกของคนไข้ ยกตัวอย่างเช่น ก่อนผู้ที่เข้ารับการจัดฟันหลังจากการเอกซเรย์แล้วทันตแพทย์จะเริ่มทำการพิมพ์ฟัน โดยวิธีการทำพิมพ์ฟันในอดีตจะใช้ปูนปลาสเตอร์หล่อฟัน เพื่อให้ได้พิมพ์ฟันที่เป็นบล็อกออกมาก่อน จากนั้นทันตแพทย์จะประเมินและวินิจฉัยถึงแผนการรักษาในการจัดฟันของคนไข้อีกครั้ง แต่ในปัจจุบันการพิมพ์ฟันแบบดิจิทัล หรือที่เรียกว่าเครื่อง Intraora Scannerl โดยใช้เครื่องมีลักษณะเป็นแท่งเพื่อให้เข้ากับช่องปากเพื่อสแกน โดยใช้ร่วมกับระบบซอฟต์แวร์ผ่านจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูลักษณะการเรียงตัวของฟัน ซึ่งในแง่ของความรู้สึกของคนไข้จะให้ความรู้สึกที่สบายและรวดเร็วกว่าการพิมพ์ฟันแบบปกติ และในเรื่องของความมั่นใจในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับคนไข้เอง อย่างเช่นการทำรากเทียม อย่างที่ทราบกันว่าการทำรากเทียมนั้นมีกระบวนการที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน คนไข้อาจมีความกังวลว่าการทำรากเทียมนั้นจะพอดีปากหรือทดแทนฟันที่สูญเสียไปให้เหมือนธรรมชาติได้ดีหรือไม่ ยิ่งเฉพาะผู้ที่เคยใส่ฟันปลอมแบบถอดได้จะค่อนข้างเป็นกังวลเพราะได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกับฟันปลอมที่ไม่พอดี ซึ่งการนำเทคโนโลยีสแกนช่องปากรวมถึงการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแสดงภาพในรูปแบบ 3 มิติ รวมถึงการใช้เครื่อง CT Scan (เครื่องเอกซเรย์ 3 มิติ) นั้นที่สามารถให้ทันตแพทย์ได้ประเมินการรักษาได้แม่นยำมากขึ้นนั้นและประเมินกระดูกของคนไข้เพื่อใช้ในการพิจารณาด้วยว่าคนไข้อยู่ในเกณฑ์การรักษาได้หรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่อความมั่นใจของคนไข้ได้ เพราะหลังจากที่ทันตแพทย์ได้ทำการประเมินและวางแผนการรักษาแล้ว วันที่คนไข้ถึงวันนัดเพื่อเข้ารับการใส่รากเทียม ทันตแพทย์จะจำลองภาพ (Virtual Setup) ให้คนไข้ได้ดูและอธิบายตำแหน่งของการใส่รากเทียมและฟันปลอมให้คนไข้เข้าใจ ซึ่งคนไข้จะมีความมั่นใจที่มากขึ้นถึงผลลัพธ์ในการรักษาที่แน่นอน เนื่องจากการจำลองภาพทันตแพทย์จะทดลองใส่ชิ้นงานโดยการจำลองตำแหน่งรูปแบบการครอบฟันบนรากเทียม ซึ่งเมื่อเห็นภาพจำลองนี้แล้วไม่พอใจ ก็สามารถแก้ไขก่อนการใส่ครอบจริงได้

ซึ่งเทคโนโลยีที่กล่าวมานั้นถือเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำรากเทียมในปัจจุบัน ซึ่ง BFC Dental ขอเรียกว่า การทำรากเทียมด้วยระบบดิจิทัล โดยคลินิกได้นำเทคโนโลยีต่างๆ นั้นนำมาปรับใช้ในการวางแผนการรักษาและใช้การรักษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงอุปกรณ์ที่มีความทันสมัยและได้รับมาตรฐานแบบสากล ได้ในราคาที่สมเหตุสมผล

 

Recommended Posts